10 Best SEO Chrome Extensions You Can Use for Free

10 Best SEO Chrome Extensions You Can Use for Free

การทำ Search Engine Optimization (SEO) อาจดูซับซ้อนเพราะมีทั้งรายละเอียดเชิงเทคนิค การค้นคว้าคีย์เวิร์ด และการติดตามประสิทธิภาพ แต่โชคดีที่มีส่วนขยายฟรีบน Chrome ที่ช่วยทำให้ขั้นตอนต่าง ๆ ง่ายขึ้น ช่วยให้คุณตรวจพบปัญหาได้ทันที และค้นหาโอกาสที่อาจพลาดไปโดยไม่รู้ตัว

Why Use SEO Chrome Extensions?

ส่วนขยาย Chrome สำหรับ SEO ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยประหยัดเวลา โดยให้ข้อมูลเชิงลึกได้ทันทีภายในเบราว์เซอร์ของคุณ แทนที่จะต้องสลับไปมาระหว่างหลายแดชบอร์ดและเครื่องมือ คุณสามารถ:

  • ตรวจสอบหน้าเว็บได้ทันทีโดยไม่ต้องเจาะลึกถึง source code
  • เช็กคีย์เวิร์ดและปริมาณการค้นหาได้โดยตรงในผลการค้นหาของ Google
  • ตรวจพบปัญหาทางเทคนิค เช่น การ redirect หรือปัญหาการแสดงผลแบบเรียลไทม์
  • เปรียบเทียบคู่แข่งได้เพียงไม่กี่คลิก

แม้จะไม่สามารถทดแทนแพลตฟอร์ม SEO ที่ครบวงจรอย่าง Ahrefs, SEMrush หรือ SE Ranking ได้ แต่ก็เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบแบบรวดเร็ว การวิจัยที่คล่องตัว และการทำ audit ขนาดเล็ก

 

10 Best and FREE SEO Chrome Extension

 

1. SEO Pro Extension

ทำอะไรได้บ้าง:
SEO Pro ช่วยให้คุณเห็นข้อมูลเชิงลึกขององค์ประกอบบนหน้าเว็บ เช่น ชื่อเรื่อง (title), คำอธิบายเมตา (meta description), หัวข้อ (headers) และลิงก์ภายในเว็บไซต์ ได้อย่างรวดเร็วโดยไม่ต้องเข้าไปดู source code

 

 

ข้อดี (Pros): 

  • ใช้งานง่ายและเบาเครื่อง
  • ตรวจสอบ metadata และหัวข้อได้อย่างรวดเร็ว
  • เน้นไฮไลต์แท็กที่หายไปหรือซ้ำกัน

ข้อเสีย (Cons):

  • ฟีเจอร์ขั้นสูงน้อยกว่าเครื่องมือ SEO แบบครบวงจร
  • เน้นตรวจสอบบนหน้าเว็บและบางส่วนของเทคนิค SEO เท่านั้น ไม่ครอบคลุม SEO นอกหน้าเว็บ (off-page SEO)
 

2. SEO Meta in 1 Click

ทำอะไรได้บ้าง:
เครื่องมือนี้คล้ายกับ SEO Pro Extension แสดงข้อมูล SEO ที่สำคัญทั้งหมดบนหน้าเว็บใด ๆ ได้ในคลิกเดียว รวมถึงชื่อเรื่อง (title), คำอธิบาย (description), แท็ก robots, หัวข้อ (headers) และรูปภาพ

 

 

ข้อดี (Pros):

  • ใช้งานง่ายมาก
  • ประหยัดเวลาเมื่อตรวจสอบหลายหน้าเว็บ
  • แสดงรายการคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้องกับหน้าเว็บ
  • ให้การสรุปหัวข้อและแท็กเมตาที่ชัดเจน

ข้อเสีย (Cons):

  • ไม่สามารถส่งออกรายงานได้
  • ให้ข้อมูลเท่านั้น ไม่มีคำแนะนำหรือข้อเสนอแนะเพิ่มเติม
 

3. SEO Search Simulator by Nightwatch

ทำอะไรได้บ้าง:
ส่วนขยายนี้ช่วยให้คุณจำลองการค้นหาของ Google จากหลาย ๆ ประเทศหรือเมือง ทำให้เห็นว่าเว็บไซต์ของคุณ (หรือคู่แข่ง) อยู่ในอันดับใดในผลการค้นหาในแต่ละพื้นที่ นอกจากนี้ยังสามารถระบุโดเมนที่ต้องการติดตามโดยเฉพาะ ทำให้ง่ายต่อการวิเคราะห์อันดับของคุณเองและการมองเห็นของคู่แข่งทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับสากล

 

 

ข้อดี (Pros):

  • เหมาะสำหรับการทำ SEO ในระดับท้องถิ่นและแคมเปญระดับโลก
  • ไม่ต้องใช้ VPN หรือเช็คแบบแมนนวล
  • ตรวจสอบอันดับได้รวดเร็วและแม่นยำ

ข้อเสีย (Cons):

  • แสดงแค่ตำแหน่งอันดับ ไม่แสดงปริมาณการค้นหาของคีย์เวิร์ด
  • ฟีเจอร์น้อยกว่าโปรแกรม Nightwatch แบบเต็มรูปแบบ
 
4. JavaScript Chrome
 
ทำอะไรได้บ้าง:
ช่วยตรวจสอบว่ามอเตอร์ค้นหาเห็นเว็บไซต์ของคุณอย่างไรเมื่อเปิดหรือปิดการใช้งาน JavaScript ซึ่งสำคัญมากสำหรับเว็บไซต์ที่ใช้ JavaScript หนัก ๆ
 

ข้อดี (Pros):

  • ตรวจพบปัญหาการเรนเดอร์ที่ส่งผลต่อการทำดัชนีของเว็บไซต์
  • สลับการแสดงผล JavaScript ได้อย่างรวดเร็ว

     

ข้อเสีย (Cons):

  • มีความซับซ้อนเชิงเทคนิค อาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น
  • ไม่ให้คำแนะนำ SEO โดยตรง 

 

5. Link Redirect Trace

ทำอะไรได้บ้าง:
แสดงเส้นทางการ redirect แบบเต็มของหน้าเว็บ (เช่น 301, 302, meta refresh, JavaScript redirects) สำหรับเวอร์ชันฟรี ยังสามารถตรวจสอบ header ของโปรโตคอล, แท็ก rel=canonical และไฟล์ robots.txt ได้ด้วย

 

 

ข้อดี (Pros):

  • เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการตรวจสอบ SEO เชิงเทคนิค
  • ระบุลำดับการ redirect และ loop ได้ชัดเจน
  • ช่วยให้มั่นใจว่า link equity ไม่สูญหาย

     

ข้อเสีย (Cons):

  • เป็นเครื่องมือเชิงเทคนิคเป็นหลัก อาจไม่เหมาะกับผู้เริ่มต้น
  • ไม่ครอบคลุมด้าน SEO อื่นนอกเหนือจากการ redirect
 

6. Keywords Everywhere

ทำอะไรได้บ้าง:
แสดงข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับคีย์เวิร์ดและข้อมูลการแข่งขันโดยตรงในผลการค้นหาของ Google

 

 

ข้อดี (Pros):

  • เหมาะสำหรับการค้นหาคีย์เวิร์ดอย่างรวดเร็ว
  • แสดงประมาณการทราฟฟิกการค้นหารายเดือน และจำนวนคีย์เวิร์ดที่เว็บไซต์ติดอันดับ
  • แสดงค่า Domain Authority (DA), backlinks และข้อมูลทราฟฟิกได้ทันทีใน Google
  • ให้คะแนนความยากของ SEO (on-page, off-page และรวมทั้งหมด)
  • มีกราฟแนวโน้มความนิยมของคีย์เวิร์ดตามช่วงเวลา
  • เข้าถึง backlinks ของคู่แข่งได้อย่างรวดเร็ว
  • ประหยัดเวลา เพราะข้อมูลทั้งหมดแสดงตรงในผลการค้นหาของ Google

     

ข้อเสีย (Cons):

  • เวอร์ชันฟรีมีข้อจำกัด (ฟีเจอร์เต็มต้องเสียเงิน)
  • ข้อมูลอาจแตกต่างเล็กน้อยจากแพลตฟอร์ม SEO ระดับพรีเมียม
 

7. Keyword Surfer

ทำอะไรได้บ้าง:
เป็นอีกหนึ่งเครื่องมือสำหรับการวิจัยคีย์เวิร์ด ที่ไม่เพียงแสดงปริมาณการค้นหาโดยประมาณ แต่ยังบอกจำนวนคีย์เวิร์ดที่ใช้บนหน้าเว็บ และความถี่ที่คีย์เวิร์ดเป้าหมายปรากฏในคอนเทนต์ของคู่แข่ง อีกทั้งยังให้รายการคำแนะนำคีย์เวิร์ดที่เกี่ยวข้อง โดยจะแสดงตรงในผลการค้นหาของ Google

 

 

ข้อดี (Pros):

  • ใช้งานได้ฟรีทั้งหมด
  • สร้างไอเดียคีย์เวิร์ดพร้อม ๆ กับผลการค้นหา (SERP)
  • อินเทอร์เฟซเรียบง่าย เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น

     

ข้อเสีย (Cons):

  • ข้อมูลปริมาณการค้นหาอาจไม่แม่นยำเสมอไป
  • มีตัวกรองขั้นสูงน้อยกว่าเครื่องมือแบบเสียเงิน
 

8. GMB Everywhere

ทำอะไรได้บ้าง:
ออกแบบมาเพื่อแสดงหมวดหมู่ของ Google Business Profile (GBP), รีวิว และข้อมูลธุรกิจ สามารถใช้ตรวจสอบอย่างรวดเร็ว ติดตามอันดับการค้นหาในท้องถิ่น และวิเคราะห์รายชื่อคู่แข่ง เพื่อช่วยให้คุณปรับแต่งและทำผลงานได้ดีกว่าในการค้นหาเชิงพื้นที่ (local search)

 

 

ข้อดี (Pros):

  • เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน Local SEO
  • เปิดเผยกลยุทธ์ Google Business Profile (GBP) ของคู่แข่ง
  • ประหยัดเวลาในการทำ audit

     

ข้อเสีย (Cons):

  • ใช้ได้ก็ต่อเมื่อทำงานกับ Google Business Profiles เท่านั้น
  • ให้ข้อมูลเชิงลึกน้อยกว่าแพลตฟอร์ม Local SEO แบบครบวงจร
 

9. GSC Guardian

ทำอะไรได้บ้าง:
ช่วยติดตามข้อมูลประสิทธิภาพจาก Google Search Console (GSC) และแจ้งเตือนเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน

 

 

ข้อดี (Pros):

  • แจ้งเตือนล่วงหน้า ทำให้รู้ปัญหา SEO ได้เร็วและแก้ไขได้ทันเวลา
  • เชื่อมต่อกับบัญชี Google Search Console ได้โดยตรง
  • ช่วยประหยัดเวลา ไม่ต้องเข้าไปเช็กรีพอร์ตเองบ่อย ๆ

     

ข้อเสีย (Cons):

  • ต้องตั้งค่าและให้สิทธิ์เข้าถึง Google Search Console ก่อนถึงจะใช้งานได้
  • รายละเอียดไม่เยอะเท่าเครื่องมือติดตาม SEO แบบมืออาชีพ
 

10. Hreflang Tag Checker V3

ทำอะไรได้บ้าง:
ใช้ตรวจสอบการตั้งค่าแท็ก hreflang ว่าทำงานถูกต้องหรือไม่ เพื่อให้มั่นใจว่าโครงสร้าง SEO ระหว่างประเทศของคุณถูกต้องและเหมาะสม

 

 

ข้อดี (Pros):

  • สำคัญสำหรับเว็บไซต์ที่มีหลายภาษา หรือหลายประเทศ
  • ตรวจสอบข้อผิดพลาดในการตั้งค่า hreflang ได้อย่างรวดเร็ว
  • ใช้งานง่ายและแม่นยำ

     

ข้อเสีย (Cons):

  • ใช้ได้เฉพาะเว็บไซต์ที่มีหลายภูมิภาคเท่านั้น
  • ต้องมีความรู้ SEO บ้างเพื่ออ่านและตีความผลลัพธ์
 

คุณควรเริ่มต้นกับ SEO Chrome Extensions ตัวไหน?

ส่วนขยาย SEO บน Chrome ฟรีทั้ง 10 ตัวนี้จะช่วยให้การทำงานของคุณง่ายขึ้น ไม่ว่าคุณจะเน้นการค้นหาคีย์เวิร์ด ตรวจสอบหน้าเว็บ ทำ Local SEO หรือแก้ปัญหาเชิงเทคนิค

  • สำหรับผู้เริ่มต้น: เริ่มที่ SEO Meta in 1 Click และ Keyword Surfer เพื่อผลลัพธ์ง่าย ๆ
  • สำหรับผู้ที่มีประสบการณ์มากขึ้น: เพิ่ม Link Redirect Trace และ Hreflang Tag Checker V3 สำหรับการตรวจสอบเชิงเทคนิค
  • สำหรับผู้เชี่ยวชาญด้าน Local SEO: GMB Everywhere เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้

การผสมผสานและเลือกใช้เครื่องมือเหล่านี้ จะช่วยคุณประหยัดเวลา ตรวจพบปัญหาได้เร็วขึ้น และตัดสินใจด้าน SEO ได้ฉลาดขึ้นทั้งหมดนี้ได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแม้แต่บาทเดียว

ต้องการความช่วยเหลือด้าน SEO สำหรับธุรกิจของคุณไหม? ติดต่อ Ematic Solutions วันนี้เพื่อรับการตรวจสอบเว็บไซต์ฟรี!

Facebook
LinkedIn
Twitter
WhatsApp
Email

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์