การรายงานผลรูปแบบใหม่ของ GA4

ถึงเวลาโบกมือลา Universal Analytics

Google ได้มีการประกาศออกมาว่า Universal Analytics จะถูกแทนที่ด้วยเซอร์วิส Anatytics ตัวใหม่ของ Google ที่มีชื่อว่า Google Analytic4 หรือ GA4 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2565 อย่างไรก็ตามหน้าตาของการแสดงผล Report ที่ต่างออกไปจากเดิมเป็นอีกหนึ่งความท้าทายที่คุณต้องเจอ

ความแตกต่างระหว่างการรายงานผลของ UA กับ GA4

ทันทีที่คุณ login เข้า GA4 คุณจะสังเกตเห็นว่า เมนู navigation ดูแตกต่างไปจากเดิมมาก

การเปลี่ยนแปลงรูปแบบอินเตอร์เฟซ

การแสดงผล Report ของตัว Universal analytics หรือ UA นั้นจะแบ่งออกเป็น 3 ส่วนซึ่งประกอบไปด้วย Acquisition, Behavior และ Conversion.  อีกทั้ง UA ได้รับการออกแบบมาสำหรับการวิเคราะห์เว็บไซต์เพื่อให้ผู้ใช้งานเห็นภาพ page performance ได้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น โดยข้อมูลต่างๆ จะถูกเก็บรวบรวมจาก Session เช่น source/medium ของ report, หน้า landing page หรือ search console report ต่างๆ

ในทางกลับกัน Google Analytics 4 จะโดดเด่นในส่วนของ user lifecycle ซึ่งจะเป็นเวอร์ชั่นที่ได้รับการอัพเดตมาจากเวอร์ชั่น Web + App โดยจุดเด่นหลักของเวอร์ชั่นนี้ก็คือ เราสามารถที่จะทำการแทรคข้อมูลได้ทั้งที่เป็นเว็บไซต์ และแอพพลิเคชั่นในเวลาเดียวกันผ่านทาง Event และในส่วนของตัว Report จะถูกแบ่งออกเป็น 4 ตัวหลักๆ คือ Acquisition, Engagement, Monetization and Retention นอกจากนี้คุณอาจได้เห็นลูกเล่นใหม่ๆ เพิ่มเติม เช่น การมีส่วนร่วมเฉลี่ยต่อผู้ใช้ (avg engagement time per user) แทนที่จะเป็นเวลาเฉลี่ยบนหน้าเว็บ ( avg time on page)

ความยืดหยุ่นของการรายงานผล

คุณอาจสังเกตเห็นได้ว่า แท็บการปรับแต่งที่มุมซ้ายบน ที่คุณสร้างรายงานและแดชบอร์ดแบบกำหนดเองก่อนหน้านี้หายไป และถูกแทนที่ด้วยแท็บใหม่ที่เรียกว่า “Explore” แทน

“Explore” เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพใน Google Analytics 4 (GA4) สำหรับคุณ ในการวิเคราะห์ขั้นสูง ข้อมูลเชิงลึก และปรับแต่งรายงานและแดชบอร์ดในข้อมูลพร็อพเพอร์ตี้ตามที่คุณต้องการ มีความยืดหยุ่นสูงในการกำหนดข้อมูล เมตริก และประเภทของรายงานต่างๆ

ข้อดีหรือประโยชน์ของ The exploration report ได้แก่

  • Path exploration:  วิเคราะห์เส้นทางที่ผู้ใช้งานได้ใช้จากจุดเริ่มต้นหรือจุดสิ้นสุด
  • Funnel exploration: ตั้งค่าช่องทางของคุณและวิเคราะห์ Conversion ของแต่ละขั้นตอน
  • Segment overlaps: ทำความเข้าใจถึงความแตกต่างจากกลุ่มผู้ใช้งาน
  • User explorer: ให้มุมมองเชิงลึกเกี่ยวกับกิจกรรมของผู้ใช้งานรายบุคคล

แล้วมันมีผลอย่างไรกับคุณบ้างละ ?

การที่ Google กำลังจะเลิกใช้ Universal Analytics (UA/GA3) นั้นหมายความว่า คุณแทบไม่มีโอกาสที่จะเลี่ยงในส่วนของการปรับตัวให้เข้ากับวิธีการใหม่ในการติดตามและวิเคราะห์ด้วย Google Analytics 4 (GA4) อีกทั้งคุณจะต้องมีการเรียนรู้ในระดับหนึ่งด้วย

สำหรับผู้ที่คุ้นเคยกับ Universal Analytics อยู่แล้ว คุณอาจต้องปรับทิศทางของตัวเองในโครงสร้างการรายงานใหม่ รายงานที่คุณคุ้นเคยบางอย่างได้ถูกย้ายที่ (เช่น Google Ads ภายใต้ Acquisition ย้ายไปที่แท็บโฆษณาแบบสแตนด์อโลนหรือเป้าหมาย Conversion จะอยู่ภายใต้การมีส่วนร่วม) ในขณะที่บางส่วนหายไป (เช่น ความเร็วไซต์) หรือถูกลบออกจากรายงานเริ่มต้น (เช่น รายงานหน้า Landing Page, Search Console ) และจะใช้เวลาอีกเล็กน้อยในการค้นหาหรือสร้างระดับข้อมูลเชิงลึกที่คุณสามารถใช้เพื่อประเมินอย่างง่ายดายได้บน UA

สำหรับคนอื่นๆ อีกหลายคนที่เป็นผู้ใช้งานในระดับเบื้องต้น ที่ต้องพึ่งพารายงานมาตรฐานเป็นส่วนใหญ่ คุณอาจรู้สึกหลงทางในทันที แม้ว่า Universal Analytics จะมีชุดรายงานที่สร้างไว้ล่วงหน้าจำนวนมากโดยค่าเริ่มต้น แต่ GA4 มีให้เพียง 25 รายการเท่านั้น นอกจากนี้ ฟังก์ชันการทำงานยังมีข้อจำกัดค่อนข้างมาก การเจาะลึกหรือปรับแต่งรายงานเริ่มต้นไม่ใช่เรื่องง่าย ด้วยความยืดหยุ่นและการวิเคราะห์ขั้นสูงที่เพิ่มเข้ามาใน GA4 คุณจะได้รับข้อมูลเชิงลึกมากกว่าเมื่อก่อน เมื่อคุณรู้ว่าต้องการดูอะไร และจะปรับแต่งรายงานจากพื้นที่ว่างได้อย่างไร

การเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง GA4 ที่ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา เราต้องการแจ้งให้คุณทราบว่าเราอยู่ที่นี่เพื่อคุณ ที่ Ematic Solutions เราให้บริการ GA4 ที่ไม่เพียงแต่ช่วยให้คุณตั้งค่าการติดตามและการผสานรวม GA4 ได้อย่างถูกต้อง แต่ยังสร้างแผนการรายงานของคุณขึ้นมาใหม่อีกด้วย คุณสามารถเข้ามาพูดคุยกับที่ปรึกษาของเราได้ทุกเมื่อเพื่อประเมินการย้าย GA4 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย!

Facebook
LinkedIn
Twitter
WhatsApp
Email

หากคุณต้องการเรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับเทรนด์